รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน ผลงานของ นีล ไกแมน (Neil Gaiman) เป็นกราฟิกโนเวลไม่กี่เรื่องที่ได้รับการยกย่องให้ติดอันดับหนังสือขายดีของ New York Times ทั้งยังถูกขนานนามว่าคอมมิกของเหล่าปัญญาชน จนกลายเป็นหนังสือแนะนำของหลายสำนักเคียงคู่กับผลงานขึ้นหิ้งอย่าง ‘Watchmen’ ของอลัน มัวร์ (Alan Moore) และ ‘The Dark Knight Returns’ ของ แฟรงก์ มิลเลอร์ (Frank Miller)

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน ปี 1916 ผู้ศึกษาอาคมในอังกฤษรวมตัวกันอัญเชิญ มรณะ เทพแห่งความตายมากักขังเพื่อจะได้ขู่บังคับให้ฟื้นชีพผู้เป็นที่รักกลับมา หากแต่ความผิดพลาดได้ทำให้เทพอีกตนถูกกักขังไว้แทน นั่นคือ นิมิต เทพแห่งความฝันเมื่อเหล่าจอมอาคมไม่ได้สิ่งที่ต้องการจึงฉกชิงอาวุธของนิมิตเอามาใช้ประโยชน์แทน โลกทั้งใบเมื่อไร้ความฝันก็ทำให้บางคนไม่อาจหลับและบางคนไม่อาจตื่น และที่สำคัญเมื่อไร้ผู้ปกครองเหล่าปีศาจความฝันจึงหนีออกมายังโลกมนุษย์ด้วย โดยเฉพาะฝันร้ายนาม โครินเธียน ผู้ชื่นชอบการฆ่าคน เป็นหน้าที่ของนิมิตหรือแซนด์แมนที่ต้องหาทางหนีจากการคุมขังและรักษาสมดุลของโลกอีกครั้ง

รีวิวซีรี่ส์ The Sandman : เดอะ แซนด์แมน

อาจด้วยเป็นผลงานที่เน้นเด็กโตจนถึงผู้ใหญ่มากกว่า มันจึงขับเน้นด้วยเรื่องราวของปรัชญาและการต่อสู้ของเหล่านามธรรมที่กระทบมาถึงโลกมนุษย์ และด้วยการตีพิมพ์ลงในหัวหนังสือของ Vertigo Comics ค่ายสายมืดเน้นโหดของสำนักพิมพ์ DC ที่มีผลงาน อาทิ ‘Hellblazer’ (หรือรู้จักดีในชื่อ ‘John Constantine’) ด้วยแล้ว พูดแบบนี้ก็น่าจะพอจับโทนของ ‘The Sandman’ ได้บ้างว่ามันจะไม่ใช่หนังหรือนิยายภาพแนวซูเปอร์ฮีโร่ตีกันแบบสมัยนิยมตามที่ใครบางคนคาดหวังแน่ ๆ

แต่ถ้าคุณกำลังมองหาอะไรที่ชวนให้สมองได้ขบคิดเยอะ ๆ ผ่านภาพแฟนตาซีสุดติ่งจินตนาการอย่างใน ‘Watchmen’ หรืออยากหาแนวดาร์กแฟนตาซีสยดสยองทั้งด้านภาพและเนื้อหาที่เปิดส่วนดำมืดของมนุษย์ออกมาได้น่ากลัวยิ่งกว่าผีห่าซาตาน อย่างใน ‘Black Mirror’ นี่คือเรื่องที่คุณต้องโปรดปรานอีกเรื่องหนึ่ง

‘The Sandman’ เปิดหัวได้อย่างน่าสนใจมาก ๆ แม้เราเคยอ่านพล็อตและบางส่วนของฉบับคอมมิกที่เริ่มด้วยพิธีอัญเชิญของพวกจอมเวทจนแอบกลัวว่าภาพมันจะออกมาเชยเกินไปหรือไม่ ทว่าเอาเข้าจริงทั้งงานซีจีและการออกแบบศิลป์ย้อนยุคไปราวปี 1900 ต้น ๆ ทำได้สวยงามมาก และการใช้เสียงบรรยายของตัวเอกที่นำแสดงโดย ทอม สเตอร์ริดจ์ (Tom Sturridge) เองก็ดูขลังลึกลับน่าติดตามดี บทพูดก็ชวนให้อยากรู้ด้วยว่าเทพที่เป็นนามธรรมอย่างเช่น นิมิต (ความฝัน ดรีม มอร์เฟียส แซนด์แมน หรือเจ้าแห่งฝันร้าย มีชื่อเรียกหลากหลาย) นั้นมีความคิดอย่างไร

เขามองมนุษย์ที่ทำร้ายเขาอย่างไร ตอบสนองต่อความโลภไร้ก้นบึ้งของมนุษย์ ที่แม้รู้ว่าจับเทพมาผิดองค์แต่ก็ยังต่อรองขอประโยชน์อื่น เช่น ความร่ำรวยและไม่แก่ไม่ตายแทนอย่างไร้ความละอายได้อย่างไร ยิ่งได้ขับเน้นผ่านการนำเสนอความเย็นชาแต่ดูหล่อเหลา และถ่ายทอดความอ่อนไหวภายในใจผ่านดวงตาของสเตอร์ริดจ์ก็ชวนให้นึกถึง โรเบิร์ต แพตทินสัน (Robert Pattinson) ในบางมุม น่าจะมีสาวโดนตกอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ที่สำคัญตัวเรื่องราวไม่ได้เดินไปแบบเส้นตรงเช่น ขาวหรือดำ ธรรมหรืออธรรม มันเต็มไปด้วยความยอกย้อนฉ้อฉล ตัวละครมนุษย์ในเรื่องแต่ละตัวต่างเทา ๆ มีกิเลสบางอย่างมีผลประโยชน์ที่ถือครองและพร้อมจะทำร้ายผู้อื่นด้วยเหตุผลที่ฟังดูดีได้ ตรงนี้ทำให้เราดูไปและคิดวิเคราะห์ว่าพวกเขามีแรงขับทางจิตวิทยาอะไรที่ทำให้เลือกตัดสินใจแบบนั้น และหลายครั้งเราพบว่ามันเป็นการนำเสนอมนุษย์ที่เหมือนจะไม่มีตรรกะ แต่ดันสมจริงเอามาก ๆ ทีเดียวเพราะใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงเป็นธรรมชาติ ตรงนี้ทำให้ซีรี่ส์เต็มไปด้วยความน่าสนใจและน่าหลงใหลอย่างมาก

เนื้อหาของซีรี่ส์อาจแบ่งเป็นส่วนใหญ่ ๆ ได้หลายส่วน ช่วงแรกตอนที่ 1-5 หรือครึ่งทางของซีซัน เป็นการถูกกักขังของนิมิตและการเดินทางทวงคืนพลังของเขาที่ถูกซุกซ่อนในแห่งหนต่าง ๆ ทำให้เราได้พบตัวละครใหม่ ๆ ตัวซีรีส์ค่อย ๆ ให้เราได้เรียนรู้ไปพร้อมกันนี้ว่าภูมิหลังของโลกในเรื่องประกอบไปด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติใดบ้าง

โดยสรุป ต้องบอกว่าตอนที่เน็ตฟลิกซ์ประกาศสร้างเรื่องนี้ ในใจก็เป็นห่วงว่าจะเป็นยักษ์ล้มแห่งปีหรือไม่ เพราะดูจากคอมิกแล้วเป็นเรื่องที่ดัดแปลงได้โคตรยากอีกเรื่องหนึ่งเลยมีปัญหาที่ต้องตีโจทย์ให้แตกเยอะมาก ตั้งแต่ดีไซน์ตัวละคร ความยากและลึกของบทสนทนาต่าง ๆ การถ่ายทอดนามธรรมออกมาเป็นรูปธรรมอีก

รับชมตัวอย่างหนัง : The Sandman : เดอะ แซนด์แมน

https://youtu.be/khOKYgfTPas

ภาพยนต์แนว : แฟนตาซี, ดราม่า
กำกับโดย : นีล ไกแมน, อัลลัน ไฮน์เบิร์ก, เดวิด เอส. โกเยอร์
นักแสดงนำ : ทอม สเตอร์ริดจ์, เกวนโดลิน คริสตี, บอยด์ โฮลบรู๊ก


เครดิต : ฝากขั้นต่ำ 100 บาท

สามารถติดตามข่าวสารภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่ : Youruniversitycenter.com