รีวิวซีรี่ส์ Thai Cave Rescue : ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง

รีวิวซีรี่ส์ Thai Cave Rescue : ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง

รีวิวซีรี่ส์ Thai Cave Rescue : ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของ ‘หมูป่าอะคาเดมี่’ ทีมฟุตบอลเยาวชนที่ประสบภัยติดอยู่ด้านในของ ‘ถ้ำหลวง’ หนึ่งในถ้ำที่ซับซ้อนที่สุดของโลก เรื่องราวที่ไม่เคยบอกเล่าที่ไหนมาก่อนจากเบื้องลึกของ 13 ครอบครัวทีมหมูป่าที่เฝ้ารอด้วยความหวัง รวมถึงทุกหัวใจของคนไทย และเหล่าอาสาสมัครจากทั่วทุกมุมโลก ที่ร่วมมือกันต่อสู้กับธรรมชาติและการแข่งขันกับเวลาเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือการกู้ทั้ง 13 ชีวิต

รีวิวซีรี่ส์ Thai Cave Rescue : ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง

รีวิวซีรี่ส์ Thai Cave Rescue : ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง อีกหนึ่งผลงานแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงระดับโลกที่เกิดขึ้นในเมืองไทยอย่าง 13 ชีวิตทีมหมูป่าแห่งถ้ำหลวง และถ้าว่าตามองค์ประกอบการสร้างนี่อาจเป็นโปรเจกต์ที่น่าคาดหวังมาก ไม่ต่างจากชื่อเรื่องภาษาไทยของซีรีส์ที่ว่า ‘ภารกิจแห่งความหวัง’ แต่อย่างใดเลย

ไม่ว่าจะเป็นผลงานจากเน็ตฟลิกซ์ที่ทุ่มทุนไปสู้ล่าลิขสิทธิ์เรื่องราวถ้ำหลวงผ่านทางรัฐบาลไทย คือได้เรื่องราวฝั่งคนในพื้นที่แบบเต็มที่เพียงเจ้าเดียว ซึ่งแต่เริ่มต้นมันก็เป็นดาบสองคมที่ทีมสร้างรับมาถือไว้ มองในแง่หนึ่งมันจะน่าสนใจและสมบูรณ์มาก หากดราม่าฝั่งเด็กและครอบครัวทำงานดี และเรื่องราวของพวกเขาน่าสนใจพอจะแบกหนังให้คนอิน โดยไม่ต้องไปแข่งกับเรื่องภารกิจการช่วยชีวิตมากนัก

โดยตั้งผู้กำกับดังอย่าง จอน เอ็ม. ชู (Jon M. Chu) จาก ‘Crazy Rich Asians’ (2018) มารับบทโปรเดิวเซอร์ และพัฒนาบทซีรี่ส์ด้วยคู่หูนักเขียนมากฝีมือ คือ ไมเคิล รัสเซล กันน์ (Michael Russell Gunn) และ ดานา เลอดูกซ์ มิลเลอร์ (Dana Ledoux Miller) ที่เคยมีผลงานเขียนบทซีรีส์ระดับโลกทั้งใน ‘The Newsroom’ และ ‘Designated Survivor’ มาแล้ว

และเพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งจากมุมมองแบบคนไทยที่มีความสากลด้วย จึงไปดึงผู้กำกับไทยที่ผลงานกำลังอยู่ในช่วงที่ขึ้นหม้อสุดอย่าง บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ จาก ‘ฉลาดเกมส์โกง’ และ ‘One For The Road วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ มาผลัดมือกันกำกับ กับผู้กำกับระดับอินเตอร์สายเลือดไทย เควิน ตันเจริญ จาก ‘Agents of S.H.I.E.L.D.’ โดยได้นักแสดงชั้นนำฝั่งไทยอย่าง ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ และนักแสดงชายผู้ล่วงลับที่เคยมีผลงานโดดเด่นในเน็ตฟลิกซ์อย่าง บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์ มาร่วมแสดงนำด้วย

เอาที่ว่ามา ประกอบกับความเป็นซีรี่ส์ถึง 6 ตอน ทำให้มีเวลาเล่าเรื่องมากกว่าคู่แข่งที่เป็นหนังเรื่องยาว ก็ต้องบอกว่านี่คือผลงานถ้ำหลวงที่คนไทยจะคาดหวังมากที่สุดก็ไม่แปลกเลย

น่าสนใจว่าด้วยความมาทีหลังจึงต้องหาความแตกต่าง จะเน้นความสดก็สู้ ‘The Cave นางนอน’ (2019) ที่ออกมาก่อนใครเพื่อนไม่ได้ จะเน้นเรื่องราวที่สมจริง (กว่า) เพราะได้สิทธิ์เต็มในเรื่องราวโดยเฉพาะฝั่งพวกเด็ก ๆ และโค้ชเอก แต่ก็คงสู้พวกหนังสารคดีที่ได้เรื่องราวฝั่งภารกิจสุดตื่นเต้นของทีมต่างชาติผู้มาช่วยชีวิตในหนัง ‘The Rescue’ (2021) ไม่ได้อีก หรือจะไปทางเน้นซีเนมาติกเป็นบันเทิงฮอลลีวูดไปเลย เอาดาราชั้นนำของไทยอย่างญาญ่ามาขาย แต่ก็ไม่น่าจะไปวัดรอยเท้า ‘Thirteen Lives’ (2022) ฉบับของผู้กำกับออสการ์ รอน โฮเวิร์ด (Ron Howard) ที่ชิงตัดหน้าไปก่อน แถมได้ทั้งดาราระดับฮอลลีวู้ดผสมแนวหน้าของไทยจนทิ้งห่างไปเลยเรื่องดารา มองแล้วสิ่งที่ ‘ถ้ำหลวง: ภารกิจแห่งความหวัง’ ยังมีเหลือพอให้เด่นจึงอาจเป็นแค่ความเป็นซีรีส์ที่มีเวลาในการเล่ามากกว่าเพื่อน

ผู้กำกับบาสและเควินรู้ว่าต้องเอาดราม่าให้อยู่ และไม่ต้องโฟกัสกับส่วนอื่น ต้องปั้นตัวละครหลักคือโค้ชเอก (บีม-ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์) กับพวกเด็กให้เด่น และต้องหาซีนเด่นให้จดจำได้ครบทุกคน และตัวละครที่เหลือก็เน้นเฉพาะที่สำคัญอย่างตัวผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ (เอก-ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของวอร์รูมอันเป็นสถานที่หลักของเรื่อง ที่จะช่วยเชื่อมตัวละครอื่น ๆ เข้าด้วยกัน ทั้งพวกพ่อแม่ของเด็กที่ติดถ้ำ ทั้งผู้มาช่วยเหลือจากต่างชาติ และฝั่งข้าราชการต่าง ๆ

พอโฟกัสน้อยลง ก็สามารถปั้นหนังได้เต็มที่และออกมาสวยงามมาก โปรดักชัน การจัดแสง ถ่ายภาพออกโทนดราม่าซึ้ง ๆ ตั้งแต่ติดตามพวกเด็ก ๆ จากบ้านของพวกเขา จนมาถึงภาพสเกลการถ่ายทำขนาดใหญ่ในถ้ำที่ทำได้อย่างน่าชื่นชม ถ้าวัดตามมาตรฐานหนังไทยนี่คือสูงกว่าพอควร ทำให้เรารู้เลยว่าถ้ามีทุนถึงไทยเราทำหนังสเกลใหญ่ได้ดีทีเดียว

นอกจากนี้นี่อาจเป็นซีรี่ส์ที่ให้รายละเอียดหลายแง่มุมที่สุด และพยายามอธิบายแต่ละทางเลือกแบบเป็นวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจง่ายมาก ๆ ด้วย ซึ่งก็ต้องอาศัยความเข้าใจสถานการณ์และการขยายความเกินตัวหนังเข้าช่วยอยู่บ้าง แต่ถ้ามองในแง่การฝึกให้คิดตามเป็นเหมือนคนที่ต้องตัดสินใจด้วย มากกว่าแค่นั่งดูหนังไปเรื่อย ๆ คิดว่าซีรีส์ทำออกมาได้น่าชื่นชมทีเดียว

ซีรีส์มันน่าเบื่อ เรื่องราวของฝั่งพวกเด็ก ๆ ที่ผลาญเวลาปูเรื่องราวพวกเขาไปทั้งตอนแรกมันก็ไม่ได้มีเสน่ห์พอให้เราอยากจะติดตาม ลองนึกภาพทางเลือกระหว่างเดินตามเด็กซื่อ ๆ บ้าน ๆ โนบอดี้กลุ่มหนึ่งเข้าไปติดถ้ำนั่งรอความช่วยเหลือ (ถ้าดิ้นรนจนหนีตายออกมาได้ก็คงน่าสนุกอยู่) กับให้ตามนักดำน้ำระดับโลกมาอยู่ท่ามกลางปัญหาอันตรายและเสี่ยงตายเข้าไปช่วยชีวิตคนอีกซีกโลกหนึ่ง เราอยากจะตามไปดูฝั่งไหน ที่สำคัญด้วยความเคารพ เรื่องราวของพวกเด็ก ๆ และครอบครัวไม่ใช่ดราม่าที่น่าสนใจขนาดนั้นเลย ถึงจะพยายามเสนอทั้งดราม่าครอบครัวแตกแยก ครอบครัวไร้สัญชาติ อะไรเข้ามาแล้วก็ตาม แต่ใครที่อยากดูเรื่องภารกิจช่วยชีวิตจะมาสนล่ะ ยิ่งยัดเข้ามาเป็นสัดส่วนอาจจะถึงครึ่งหนึ่งของทั้งเรื่องเลยด้วย ว่ากันตรง ๆ ดราม่าที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือเรื่องจ่าแซมที่ ต๊อก-ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ มารับบทแค่ไม่กี่ฉากเสียด้วยซ้ำ

ด้วยสิ่งที่ว่ามาจึงเป็นเหตุผลว่าบางทีถ้าหนังบอกว่าเป็นภารกิจสมมติใหม่ ไม่ใช่ถ้ำหลวง ตัวละครที่ติดถ้ำก็มีแค่ไม่กี่คนเพื่อโฟกัสอารมณ์ท่วมท้นมีดราม่าเอาให้หนักหน่วง อาจจะกลายเป็นหนังที่ดีเรื่องหนึ่งเลยก็ได้ แต่เนื่องจากมันจะขายเรื่องจากเหตุการณ์จริง ก็ขอแนะนำคนที่เหมาะสมในการดูว่า ถ้าคุณเพิ่งเคยได้ยินว่าเคยมีทีมฟุตบอลติดถ้ำหลวงในประเทศไทยแล้วออกมาไม่ได้ และคุณก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น

รับชมตัวอย่างหนัง : Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง ภารกิจแห่งความหวัง

ภาพยนตร์แนว : เอาตัวรอด, ตื่นเต้น
กำกับโดย : นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
นักแสดงนำ : อุรัสยา เสปอร์บันด์, ปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์


เครดิต : ufabet เว็บแม่

สามารถติดตามข่าวสารภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่ : Youruniversitycenter.com