รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง

รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง

รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง ถ้าพูดถึงรอยยิ้ม อย่างที่ทราบว่า รอยยิ้มในภาษาหนังน่ะ มันมักจะเป็นอะไรที่ตรงกันข้ามกับความหมายปกติเสมอ ในหนังก็เลยมักจะมีการใช้รอยยิ้มในการสื่อไปถึงบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจ ความน่ากลัวที่แฝงไว้ภายใต้รอยยิ้ม ความกระหยิ่มยิ้มย่องอันร้ายกาจที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่ง ตัวตลกเปื้อนยิ้มผู้โหดเหี้ยมทารุณ หรือรอยยิ้มฝืน ๆ ที่แฝงความทุกข์ตรมหม่นหมองไว้ภายใน อะไรทำนองนี้ เป็นต้น

รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง

รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง ‘Smile’ หรือ ‘ยิ้มสยอง’ หนังสยองขวัญสเกลเล็กเรื่องใหม่ของค่ายดาวภูเขา พาราเมาท์ พิคเจอร์ส (Paramount Pictures) เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เอาเรื่องของรอยยิ้มอันน่าสยดสยองมานำเสนอ ซึ่งหนังเรื่องนี้มีที่มาน่าสนใจมาก เพราะมันถูกพัฒนาโครงเรื่องดั้งเดิมมาจาก ‘Laura Hasn’t Slept’ (2020) หนังสั้นผลงานของ ปาร์กเกอร์ ฟินน์ (Parker Finn) ที่ลงมือเขียนบทและกำกับเองมาก่อน

โดยหนังเรื่องนี้ได้ไปคว้ารางวัล Special Jury Recognition Prize จากสายการประกวด Midnight Short Award จากเทศกาลหนัง SXSW Film Festival 2020 และคว้ารางวัลจาก Fantastic Fest 2022 งานประกวดหนังสายแปลกมาก่อนหน้านี้ด้วย จนในที่สุด ฟินน์ก็ได้มีโอกาสนำเอาหนังสั้นเรื่องนี้มาพัฒนาต่อกลายเป็นหนังยาว โดยตอนแรกตัวหนังเรื่องนี้เกือบจะได้กลายเป็นหนังออริจินัลบนสตรีมมิง Paramount+ แต่ด้วยความที่ตอนฉายรอบ Test Screening กระแสกลุ่มคนดูค่อนไปทางบวก ผู้บริหารก็เลยไฟเขียวให้พัฒนาต่อไปเป็นหนังฉายโรงแทนอย่างที่เห็นกัน

เนื้อเรื่องของ ‘Smile’ เริ่มต้นที่ ดร.โรส คอตเตอร์ (Sosie Bacon) จิตแพทย์สาวที่บังเอิญได้พบเจอเหตุการณ์ประหลาดสะเทือนใจของ ลอรา วีฟเวอร์ (Caitlin Stasey) นักศึกษาสาวผู้ป่วยจิตเวชคนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มสุดสะพรึง เหตุการณ์นั้นทำให้เธอต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์สยองที่ครอบงำตามติดเธอเป็นเงา แถมยังไม่สามารถจะอธิบายให้ใครฟังได้ เธอจึงต้องเผชิญกับอดีตอันแสนสะเทือนใจ และพยายามหลบหนีสิ่งลี้ลับอันน่าสะพรึงกลัวที่มาในรูปแบบของรอยยิ้ม

ถ้าให้สรุปภาพรวมแบบเร็ว ๆ ของหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนคงสรุปว่า นี่ไม่ใช่หนังผีแบบตรง ๆ แต่เป็นหนังสยองขวัญกึ่ง ๆ หนังคำสาป กึ่ง ๆ หนังทริลเลอร์อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งโทนของหนังก็จะออกไปทางหนังต้องคำสาปแนวคล้าย ๆ กับ ‘It Follows’ (2014), ‘The Babadook’ (2014) หรือไม่ก็ย้อนไปไกลถึง ‘The Ring’ (2003) โน่นเลย เพียงแต่ว่าหนังเรื่องนี้เลือกที่จะเอาประเด็นเกี่ยวกับจิตวิทยามาเป็นธีมหลัก อาจจะยังไม่ถึงขั้นอาร์ตจ๋า ๆ ชวนตีความ แต่เป็นการหยิบเอาปัญหาด้านจิตวิทยามาเล่น เป็นปมให้ตัวเอกเผชิญกับการค้นหาที่มาของคำสาปยิ้มสยองซะมากกว่า

ซึ่งจริง ๆ ก็ต้องชมว่าตัวหนังสามารถเอาประเด็นปมปัญหาด้านจิตวิทยามาสะท้อนผ่านตัวหนังได้ ทั้งประเด็นเกี่ยวกับรอยยิ้ม รวมทั้ง Conflict ในแง่ของการสะท้อนให้เห็นภาพอันย้อนแย้งของจิตแพทย์ที่คอยรักษาคนที่มีปัญหาด้านจิตว่าเป็นคนที่น่าจะควบคุม รู้ทัน มีทักษะมากพอที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเอง และน่าจะรับมือกับอาการสติแตกได้ แต่ดันต้องมาเผชิญกับสภาวะที่ชวนให้หดหู่ หวาดกลัว ผวา โดนอดีตตามหลอกหลอนจวนเจียนจะสติแตกซะเอง

โดยสรุปแล้วก็เป็นหนังแนวต้องคำสาปที่มีไอเดียน่าสนใจ และแก่นเรื่องเองก็น่าสนใจอยู่ เพียงแต่ว่ามันยังไม่ได้รับการขยี้คลี่คลายปมออกมามากพอ ตัวหนังดูสนุกด้วยการเล่าเรื่องที่ตื่นเต้น ฉากสยองติดตาที่ชวนสะดุ้ง และฉากโหดที่ห้ามพาเด็ก ๆ มาดูเด็ดขาด แม้หลายคนอาจซึ้งกับปมดราม่าที่ปูไว้นิดหน่อย

รีวิวหนัง Smile : ยิ้มสยอง

ส่วนในแง่การแสดง อันนี้ก็ต้องพูดถึง โซซี เบคอน (Sosie Bacon) เป็นหลัก เพราะแทบจะเป็นตัวละครเดียวที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้ รวมทั้งการที่ตัวหนังไม่มีนักแสดงแม่เหล็กเลย แต่การแสดงของเธอก็ถือว่าน่าสนใจทีเดียวแหละ โดยเฉพาะสภาวะสติแตกของเธอที่ค่อย ๆ เผยตัวออกมาเรื่อย ๆ และถ้าสังเกตดี ๆ ท่าทางของเธอก็ดูจะบ่งชี้ถึงอาการทางจิตที่ผู้เขียนเล่าไปตอนต้นได้ด้วย แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับเป็นบทบาทที่น่าจดจำ แต่ก็ถือว่าทำได้ไม่ผิดหวัง

รับชมตัวอย่างหนัง : Smile ยิ้มสยอง

ภาพยนตร์แนว : จิตวิทยา, สยองขวัญ
กำกับโดย : พาร์กเกอร์ ฟินน์
นักแสดงนำ : เคทลิน สเตซี่ย์เจสซี ที. อัชเชอร์, ไคลี่ กอลเนอร์


เครดิต : บาคาร่าออนไลน์เว็บตรง

สามารถติดตามข่าวสารภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่ : Youruniversitycenter.com